27 พฤษภาคม 2552

เทคนิคการใช้ป็อบเปอร์ (Techniques used Popper)

เทคนิคการใช้ป็อบเปอร์ (Techniques used Popper)


เทคนิคการใช้เหยื่อปลอมแบบป๊อบเปอร์( Popper) นั้น พื้นฐานการใช้มิได้ยุ่งยากอะไรมากมาย หลักการของมันนั้นคล้ายคลึงการเหวี่ยงเหยื่อทั่วไปนั่นเอง และในปัจจุบันการใช้เหยื่อป๊อบเปอร์ถูกเลือกเอาไปใช้งานกับการตกปลาขนาดใหญ่มาก ไซส์ระดับ 20-50 ก.ก. จึงทำให้การใช้เหยื่อปลอมชนิดนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นที่รูปทรงและขนาดของเหยื่อ และแม้กระทั่ง ตัวเบ็ด คัน รอก และสายเบ็ดก็ต้องถูกพัฒนาคิดค้นไปตามๆกัน ซึ่งในวงการป๊อบเปอร์จะเน้นพัฒนาทางด้านชุดสปินนิ่งเพียงด้านเดียว ก็เพราะว่าการเหวี่ยงเหยื่อตีป๊อบเปอร์ นั้นชุดสปินนิ่งใช้งานได้คล่องตัวและครอบคลุมมากที่สุด อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ร่วมกับการจิ๊กกิ้งน้ำลึกได้อีกด้วย


จุดที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดคงเป็นที่ตัวเหยื่อ ซึ่งแต่เดิมเป็นเหยื่อในกลุ่มปลาปลอมหรือปลั๊ก (Plug)ที่มีขนาดเล็กเพียง 3-5 นิ้ว ก็ได้ปรับปรุงเป็นเหยื่อป๊อบเปอร์(Popper)ที่มีความยาวเพิ่มขึ้น บางรุ่นยาวเกินกว่า 10 นิ้วก็มี ซึ่งแน่นอนตัวเหยื่อก็ต้องมีสมรรถภาพสามารถใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อกรกับปลากระมงไซส์ 20 โลขึ้นได้เป็นอย่างดี


ปัจจุบันเหยื่อPopper ขนาดใหญ่นี้สามารถผลิตได้ในบ้านเราเอง อีกทั้งยังสามารถส่งออกต่างประเทศและเป็นที่ยอบรับอย่างเป็นสากล ที่รู้ๆก็ของโปรกิ๊กละ่ครับ ซึ่งสนนราคาก็ต้องบอกว่าเหมาะสมกับคุณภาพง่ายๆก็คือ สมน้ำสมเนื้อครับ ส่วนของการพัฒนาเหยื่อPopper ก็ไม่ได่มีอะไรแหวกแนว เพียงเพิ่มความแข็งแกร่งแข็งแรงขององค์ประกอบต่างๆ อาทิแกนลวดกลางตัวเหยื่อที่มีห่วงเอาไว้คล้องตัวเบ็ดละสายหลีดเดอร์ ซึ่งถูกเพิ่มขนาดให้ใหญ๋ขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะตัวเบ็ดสามทาง (Treble Hook) จะต้องเป็นชนิดที่แข็งแรงเป็นพิเศษ ซึ่งแน่นนอนจะต้องแลกมาด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม(แต่ก็คุ้มน่า)


เมื่อมีการพัฒนาในส่วนตัวเหยื่อแล้ว การปรับปรุงพัฒนาสายหน้าหรือสายหลีดเดอร์ก็ต้องปรับปรุงควบคู่กันไป ปกติการใช้สายหลีดเดอร์ต่อกับสายเบ็ดด้วยลูกหมุนหรือคล้องด้วยลูกหมุนคลิปทางด้านหนึ่ง และผูกกับตัวเบ็ดหรือคล้องกับเหยื่อปลอมอีกทางปลายด้่านหนึ่งเพื่อตกปลาทั่วไปนั้นเป็นเรื่องธรรมดาปกติอยู่แล้ว แต่กับการเหวี่ยงเหยื่อหรือตีเหยื่อPopperไม่นิยมใช้วิธีนี้ เพราะจะกำหนดความยาวในการเหวี่ยงเหยื่อได้ยาก เนื่องจากถ้าใช้ลูกหมุน มันจะไปติดกับไกด์ตัวปลายคัน ดังนั้นชุดหลีดเดอร์หรือสายหน้าที่ใช้กับเหยื่อPopperนี้จึงต่างออกไป

Photobucket

เทคนิควิธีการมัดสายหลีดเดอร์หรือสายหน้าตีป๊อบเปอร์นั้น มีมากมายหลายวิธี และที่บ้านเรานิยมใช้ ก็มีแบบ วายออน(Wind-On Leader) คือใช้สายหลีดเดอร์ต่อกับสายเบ็ดโดยตรงเลย ไม่มีลูกหมุนมาเป็นส่วนประกอบระหว่างสายหลีดเดอร์กับสายเบ็ด วิธีต่อสายหลีดเดอร์กับสายเบ็ดก็ใช้วิธีผูกเงื่อนเหมือนกับมัดเบ็ดทั่วไป เช่นเงื่อน Blood KNOT หรือ Uni Knot จุดด้อยของการต่อแบบผูกเงื่อนอยู่ตรงที่ปมเงื่อนจะสะดุดกับไกด์ที่คันเบ็ด เวลาหมุนเก็บสายจนสายหลีดเดอร์เข้ามาถึงตัวรอก จึงต้องมีการพันเชือกเคลือบขี้ผึ้งให้ตัวเงื่อนเรียบเป็นเนื้อเดียวกัน



ที่เรียกว่า วายออน(Wind-On Leader) นี้ก็หมายถึง การม้วนเก็บสายหลีดเดอร์ผ่านตัวไกด์ไปยังตัวรอกได้เลย ประโยชน์ของมันคือ นักตกปลาลำพังเพียงคนเดียวสามารถเอื้อมไปจับสายหลีดเดอร์ ดึงปลาขึ้นจากน้ำหรือใช้ตะขอเกี่ยวปลาได้ด้วยตัวเอง หลายท่านอาจสงสัยว่าทำไมต้องใช้สายหลีดเดอร์ยาวเช่นนั้น ตามกติกาสากล เขาให้ใช้สายหลีดเดอร์ยาวได้ถึง 30 ฟุต ก็เพื่อให้ผู้ช่วยนักตกปลาช่วยจับสายหลีดเดอร์ดึงปลาเข้ามาได้(แต่เขาห้ามผู้ช่วยจับสายเบ็ดตกปลา) ทั้งนี้นักตกปลาส่วนมากใช้สายหลีดเดอร์ใหญ่กว่าสายเบ็ดที่ใช้อยู่แล้ว มันจึงแข็งแรงพอจะดึงปลาขึ้นจากน้ำได้ จึงทำให้สายหลีดเดอร์ วายออน(Wind-On Leader)ได้รับความนิยมกับนักตกปลาบางกลุ่ม

Shock Leader


เป็นที่รู้กันดีว่า การตีเหยื่อPopperนั้น นักตกปลาเลือกใช้สายเบ็ดแบบ พีอี (PE ) เป็นหลักการที่จะต่อสายเบ็ดพีอีเข้าด้วยกัน (กรณีใช้สายพีอี ขนาดใหญ่ทำสายหลีดเดอร์) ก็ใช้วิธีผูกเงื่อนธรรมดาเช่นกัน แต่กรณีนักตกปลาบางกลุ่มต้องการให้เกิดความยืดหยุ่น รองรับแรงกระชากจากปลา มักจะเลือกสายเอ็นไนล่อน มาต่อกับสายพีอี การใช้สายหลีดเดอร์แบบนี้เรียกว่า ช็อคหลีดเดอร์(Shock Leader)


การต่อสายเอ็นไนล่อนเข้ากับสายพีอี ด้วยวิธีผูกเงื่อนธรรมดาจะทำได้ยาก โดยเฉพาะถ้าเลือกใช้สายเอ็นไนล่อนขนาด 100 ปอนด์ขึ้นไปเป็นสายหลีดเดอร์ จึงต้องมีวิธีต่อแบบพิเศษ ซึ่งนักตกปลาบ้านเราได้ปรับปรุงวิธีต่อสายพีอีกับสายเอ็นไนล่อนต่างกันออกไปบ้างในแต่ละกลุ่ม แต่ก็ได้ผลเช่นเดียวกัน

โปรดติดตามตอนที่ 2 (นานๆนี้)

18 พฤษภาคม 2552

ช่อนท่าใหม่ใจเกินร้อย Snakeheadfishs inThamai

���ลา��อ���า�หม�


ทริปนี้โน๊ตชวนไปตีปลาช่อนที่บ้านลุงที่ บ้านหนองแหวน อ.ท่าใหม่ รู้สึกตื่นเต้นยังไงพิกล หลังจากห่างหายจากการตีเหยื่อปลอมมาหลายปี ไม่เฮก็แห้วล่ะครับงานนี้

Photobucket

ออกเดินทางกันตอน9โมงกว่ามาถึงก็เตรียมอาวุธพร้อมลุย มีชุดสปิ๋วเผื่อตกปลาหมอเทศ

���ลา��อ���า�หม�

หมายแรกบ่อขุดหน้าดินเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ ในสวนผล ไม้สวนยาง ของป้าน้องโน๊ต

���ลา��อ���า�หม�

มาดเท่ห์ๆของหนุ่มโน๊ต กะลังเท็กซัสหนอนยักษ์

���ลา��อ���า�หม�

เท็กซัสไร้ผล เปลี่ยนเป็นป้อบมั่ง แต่ก็ยังไม่ ตูม

���ลา��อ���า�หม�

สงสัยจาแห้วครับหมายแรก อากาศร้อนด้วยตีตอนเที่ยงพอดี ปลามันคงลงไปนอนอยู่ก้นบ่อแล้ว

Photobucket

หลังจากไม่ประสบผลสำเร็จจาก 2 บ่อแรกของป้าเลยต้องย้ายหมายไปที่บ่อเก็บน้ำของลุงโน๊ตมั่ง

Photobucket

พาตรูมาแห้วป่าวฟะเนี่ย....เครียด

Photobucket

โน๊ตจองบ่อแรก

Photobucket

ส่วนผมลงบ่อนี้ดีกว่า น่าโดนมั้ยครับ

Photobucket

และแล้วเค้าก็ดึงขึ้นมาก่อนหนึ่งตัวกับช่อนไซส์ 7-8 ขีด(ถึงป่าวน้อ)

Photobucket

ทำให้ผมเครียดซะแล้ว ตีหลายสิบไม้แต่ก็ยังเงียบ เอาไงดี?

Photobucket

ความพยายามอยู่ที่ไหนปลาช่อนอยู่ที่นั่น ไม่แห้วแล้ว เย้ๆๆ

Photobucket

ดีใจเสียงดังไปหน่อย ทำให้มีคนมาแย่งหมายเลย 55

���ลา��อ��ลา��อ�

แล้วเค้าก็ดึงขึ้นมาอีกตัว มีเยาะเย้ยนิดๆ55

���ลา��อ��ลา��อ�

ปลารวม 3ตัว 2 ต่อ 1 เอาไงดีล่ะ

Photobucket

ย้ายหมายสิครับ หมายนี้ก็น่าโดนเหมือนกัน

���ลา��อ��ลา��อ�

และก็สำเร็จครับ ปลาช่อนตัวน้อย(แต่อร่อย) กับกบตัวหมาน

���ลา��อ���า�หม�

จากนั้นก็ตีกันไปเรื่อยๆ โดนกัดหลายสิบครั้ง ทั้งหลุด ทั้งกัดไม่โดน เหยื่อกบก็มีมาคนละตัว แถมของโน๊ตไม่มีกันสวะซะด้วย แต่เค้ามีวิธีแก้ไข อยากรู้ดูรูปข้างล่างเลยครับ 55

���ลา��อ��ลา��อ�

ใช้หลอดดูดกันสวะซะงั้น คิดได้ไง ได้ผลดีด้วยครับ55

���ลา��อ���า�หม�

ถือว่าประสบความสำเร็จครับทริปนี้ หลังจากไม่ได้ตีปลาช่อนมานาน ขอบคุณน้องชายที่น่ารักคนนี้ครับ

���ลา��อ��ลา��อ�

แล้วเจอกันกับทริปเล็กๆ เฮฮา บ้าบอตามประสาคนชอบตกปลาทริปหน้าครับ...ขอบคุณครับ


16 พฤษภาคม 2552

สปินเนอร์เบท Spinner Bait


The Spinnerbait Chronicle
Spinnerbait เป็นเหยื่อที่ถูกคิดค้นมาตั้งแต่ช่วงปลายของยุค ค.ศ. 1800 และได้รับการยอมรับโดยเหล่านักตกปลาด้วยเหยื่อปลอมชาวอเมริกาว่าเป็นหนึ่งใน เหยื่อที่ดีที่สุดในโลกและถูกใช้อย่างแพร่หลายทั้งในอเมริกาและญี่ปุ่น นั่นหมายถึง Spinnerbait เป็นเหยื่อที่ได้รับการยอมรับจากนักตีเหยื่อปลอมมานานกว่า 100 ปี ต้นกำเนิดของเหยื่อชนิดนี้คือ มิสเตอร์ จอห์น ฮิลเดแบร้น (John Hildebrandt) เป็นผู้ออกแบบใบทั้งสามชนิดของ Spinnerbait


ทำไม Spinnerbait ถึงได้รับการยอมรับขนาดนั้น? นั่นเพราะ Spinnerbait ถูกจัดเป็นเหยื่อดำน้ำที่ติดสวะน้อยที่สุดสามารถตีฝ่าเข้าไปในที่รกๆได้ อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นดงไม้ ดงสาหร่าย หรือสวะประเภทต่างๆ อีกทั้งสามารถตกได้หลากหลายวิธีการทั้งระดับผิวน้ำ กลางน้ำ หรือแม้กระทั่งที่ระดับหน้าดิน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานอยากจะให้เป็น จากการทดสอบกว่า 1 ปีที่ผ่านมาของผู้เขียนสปินเนอร์เบท สามารถใช้ได้กับปลาทุกประเภทในเมืองไทยเช่นกัน

ก่อนที่จะเริ่มใช้สปินเนอร์เบทสิ่งแรกที่นักตกปลาต้องรู้เกี่ยวกับสปินเนอร์เบทคือชนิดของใบสปินเนอร์เบท ณ ปัจจุบัน มีใบสปินเนอร์เบทอยู่ 3 ประเภทที่เป็นที่นิยมที่สุดคือ

1.) Willow Leaf (ใบหลิว)
2.) Colorado (ใบกลม)
3.) Indiana (ใบรูปหยดน้ำ)

ใบ สปินเนอร์ทั้ง 3 แบบมีลักษณะการใช้และคุณสมบัติที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้น การเลือกใช้ชนิดของสปินเนอร์เบท จึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของการตกปลาในแต่ละ สถานการณ์ คุณสมบัติของใบแต่ละชนิดมีดังต่อไปนี้

1.) Willow Leaf (ใบหลิว)
ใบยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลก ถือเป็นใบที่ให้แสงสะท้อนมากที่สุดหมุนเร็วที่สุดในกระบวนใบทั้งหมด อย่างไรก็ดีอัตราการสั่นสะเทือนใต้น้ำและแรงยกตัวที่ใบสร้างขึ้นถือว่าน้อย ที่สุดในกระบวนใบทั้ง 3 ชนิด Willow Leaf เหมาะสำหรับกรณีที่ต้องการให้เหยื่อเคลื่อนที่เร็ว วิ่งได้ตรงกว่าใบประเภท Colorado รวมถึงมีอัตราการทะลุทะลวงผ่านสิ่งกีดขวางอย่าง สาหร่ายและซากไม้ได้เหนือกว่าใบประเภทอื่นๆ Willow Leaf เป็นใบที่เหมาะจะใช้งานในกรณีที่ปลามีอัตราตื่นตัวสูง

2.) Colorado (ใบกลม)
ใบยอดนิยมอันดับสอง เป็นใบที่มีการสร้างแรงสั่นสะเทือนใต้น้ำสูงที่สุดในกระบวนใบทั้งสามชนิด มีอัตราการเหวี่ยงตัวกว้างสุด แรงยกตัวสูงสุด และอาศัยความเร็วต่ำสุดในการทำให้ตัวใบหมุนได้ ดังนั้น Colorado จึงเหมาะจะใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการกรอเหยื่อช้าและปลาไม่ค่อยตื่นตัวเช่นใน ฤดูหนาวที่ระบบ หมุนเวียนเลือดของปลาต่ำ การตกปลาในตอนกลางคืน หรือในน้ำที่ขุ่นจัด เนื่องด้วยคุณสมบัติที่ใบหมุนง่ายกว่าใบชนิดอื่นจึงเหมาะสมที่จะใช้กับ เทคนิค ยกขึ้น/ปล่อยตกในบริเวณน้ำลึกมากที่สุด รวมถึงการฟลิบปิ้งเข้าไปในพื้นที่รกอีกด้วย Colorado ถือเป็นใบที่สำคัญที่สุดในกรณีที่น้ำเย็น, วิธีการตกด้วยการกรอช้า และการตกยามดึก

3.) Indiana (ใบรูปหยดน้ำ)
ถือเป็นใบที่ถูกออกแบบมาให้อยู่ตรงกลางระหว่างใบสองชนิดแรก สำหรับหมุนด้วยความเร็วปานกลาง ก่อให้เกิดแสงสะท้อน แรงยกตัวและแรงสั่นสะเทือนในระดับกลาง สภาพน้ำระดับกลาง และปลาที่อยู่ในสภาพเป็นกลางไม่ตื่นตัวในการล่าหรืออยู่ในสภาพที่ค่อนข้าง อิ่ม อย่างไรก็ดีความนิยมใน Indiana นั้นน้อยกว่า 2 ตัวแรกพอควรเนื่องจากไม่เด่นในด้านใดด้านหนึ่งอย่างชัดเจน


ใบเดียว หรือ สองใบ (Single blade & Double blade)

หลายๆ คนอาจจะได้เห็น Spinnerbait แบบทั้งใบเดียวและสองใบ แต่ก็ไม่ทราบถึงคุณประโยชน์ของการจับคู่ใบแต่ละประเภทว่าให้ผลและความแตก ต่างกันเช่นไร ในความเป็นจริง Spinnerbait แบบใบเดียวนั้นสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนในการกระตุ้นปลาได้มากกว่าแบบหลาย ใบอยู่พอควร เนื่องจากแรงสั่นสะเทือนหรือคลื่นน้ำในแต่ละใบนั้นชนกันเองและทำให้เกิดการ ลบล้างแรงสะเทือนกันเองในที่สุด นอกจากนี้คุณสมบัติที่ดีของแบบใบเดียวคือ Spinnerbait จะเคลื่อนตัวอยู่ในระดับที่ลึกกว่าแบบหลายใบ รวมถึงมีอัตราการจมของเหยื่อที่เร็วกว่าเนื่องแรงต้านของใบขณะจมมีน้อยกว่า พวกใบคู่ ส่วนใบคู่นั้นจะมีคุณสมบัติต่างๆเพิ่มเติมแล้วแต่การจับคู่ ต่อไปนี้คือคุณสมบัติของใบคู่ที่เป็นที่นิยมหลักๆคือ ดับเบิลวิลโลว์ลีฟ (ใบหลิวสองใบ) และ แทนเด็ม (ใบโคโลราโดหน้าและใบหลิวหลัง)

ลักษณะพิเศษของการจับคู่ใบแบบต่างๆ

ดับเบิลวิลโลว์ 
เป็น ชุดใบที่ เป็นที่นิยมที่สุดในโลก การจับคู่ของใบหลิวที่มีขนาดเล็กอยู่ข้างหน้ากับใบขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลัง จุดเด่นของการจับคู่แบบนี้นั้นเพื่อให้เกิดแสงสะท้อนจำนวนมากเพื่อดึงดูด ความสนใจของปลา อย่างไรก็ดีแรงสั่นสะเทือนของใบชุดนี้ถือว่าน้อยลงเนื่องจากมีการแคนเซิลกัน ของใบชุดหน้าและใบหลัง

แทนเด็ม 
คือการจับคู่ของใบ โคโลราโดเล็กด้านหน้าและใบวิลโลว์ลีฟด้านหลัง เป็นใบชุดที่สามารถวิ่งที่ระดับลึกกว่าการจับคู่ใบประเภทอื่นๆ และยังสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนออกมาได้พอสมควร อย่างไรก็ดีอัตราการหมุนของใบด้านหลังจะน้อยลงต่อเนื่องให้แสงสะท้อนน้อยลง ด้วย แต่จะได้การชดเชยจากการสั่นสะเทือนมาช่วยแทน

ใบหลิวเดี่ยว
สร้างแรงสั่นสะเทือนที่ตัวเหยื่อมากที่สุด แต่ไม่ได้สร้างคลื่นน้ำแรงที่สุดนะครับ และดำลึกที่สุด มีติดกล่องไว้ไม่เสียหลาย

น้ำหนักเหยื่อ
โดย ปรกติแล้วเหยื่อสปินเนอร์เบทจะมี ขนาดน้ำหนักตั้งแต่ 1/8 – 1 ออนซ์ อาจมีบางเจ้าที่ทำขึ้นไปมากกว่าหนึ่งออนซ์บ้างแต่น้อยมากจริงๆสำหรับเคสนี้ ตั้งแต่อดีตตอนที่นักตกปลาเริ่มตีเหยื่อปลอมใหม่ๆ มักไม่มีความคิดที่จะซื้อหาสปินเนอร์เบทมาใช้เลยเนื่องจากเสียงบอกเล่าที่ ว่าเหยื่อตัวนี้นั้นตียาก ซึ่งก็สมควรที่จะตียากอยู่เพราะสปินเนอร์เบทที่มีขายอยู่ในเวลานั้นมีขนาด เพียงแค่ 1/8 หรือ ¼ ออนซ์เท่านั้น

ด้วยความที่ว่าสปินเนอร์เบทนั้น มี Profile หรือขนาดเหยื่อที่ใหญ่ด้วยตัวกระโปรงที่ฟูฟ่องของเหยื่อนั่นเอง ดังนั้นผู้ที่เอาเข้ามาจึงเน้นขนาดเล็กไว้ก่อนเพราะเน้นปลาช่อนเป็นหลัก และเหยื่อที่เบานั้นจะใช้ในกรณีที่พื้นที่นั้นไม่กว้างนักและมีอุปสรรค ประเภทหญ้านอนบนผิวน้ำเยอะๆเนื่องจากด้วยน้ำหนักตัวที่น้อยทำให้เมื่อเหยื่อ ตกลงไปบนพวกสิ่งกีดขวางแล้วไม่จมลงไปติดหญ้า ณ จังหวะตก (3/8 ก็สามารถทำได้ใก้ลเคียงกับ 1/4 มากๆเหมือนกันในเรื่องนี้) และแน่นอนสปินเนอร์เบทขนาด 1/8 นั้นตียากจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในสภาพลมแรง อย่างไรก็ดีในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 1 ปีของการทดสอบ ปรากฎว่าปลาช่อนขนาดคืบกว่าๆก็สามารถตกได้ด้วยสปินเนอร์เบท ขนาด 3/8 รวมทั้งชะโดลิโพและกระสูบเอ็มร้อยก็สามารถตกได้ด้วยสปินเนอร์เบทขนาด 1/2 ออนซ์เป็นจำนวนมากพอควร ดังนั้นขนาดน้ำหนักจึงไม่มีผลต่อความเล็กใหญ่ของปลาซักเท่าใด เพราะสิ่งสำคัญเวลาปลามองเหยื่อคือขนาดของกระโปรงครับ ถ้ารู้สึกว่าตัวเหยื่อใหญ่ไปเราสามารถเล็มกระโปรงบ้างให้เหยื่อเล็กลงได้ ครับ แต่ถ้าหนอน 5-6 นิ้วช่อนจิ๋วยังกัดได้ดังนั้นกระโปรงยาวสองนิ้วครึ่งไม่ใช่ปัญหาครับ


แล้ว ขนาดน้ำหนักของเหยื่อมีไว้ทำไมล่ะ ? คำตอบของขนาดน้ำหนักเหยื่อนั้นคือ การเพิ่มความลึกของเหยื่อขณะถูกลากนั่นเอง ยิ่งน้ำหนักมากอัตราการดำลึกก็จะสูงขึ้นไปด้วย ณ ปัจจุบันขนาดน้ำหนักเหยื่อที่เป็นที่นิยมที่สุดของสปินเนอร์เบทอเมริกาคือ 3/8 (10.5 กรัม) และ 1/2 ออนซ์ (14 กรัม) เนื่องจากทั้งสองขนาดน้ำหนักนี้เหมาะที่สุดในการใช้เป็น Search Bait หรือเหยื่อสำหรับการควานหาตัวปลาในพื้นที่กว้างๆ เช่นเดียวกับเหยื่อประเภทกบและผิวน้ำที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ซึ่งจัดเป็น Search Bait เช่นกัน เนื่องจากตีต่อเนื่องได้เร็ว ครอบคลุมพื้นที่ได้เยอะ ขณะที่ 3/4 และ 1 ออนซ์นั้นเน้นเอาไว้ตีกวาดหาตัวปลาที่ระดับน้ำลึกมากๆระดับ 8 – 12 ฟุตขึ้นไป อย่างไรก็ดีอย่าลืมสิ่งที่ได้เรียนรู้จากบทที่ 1 นะครับ ใบนั้นสำคัญมากๆ แม้เหยื่อจะมีน้ำหนักมากขึ้นถ้าจับคู่กับใบบางประเภทก็สามารถที่จะดำตื้น กว่าตัวที่น้ำหนักเบากว่าบางประเภทได้

อาจจะมีคำถามว่าถ้างั้นจะทำมา ทำไมหลายน้ำหนักล่ะขนาดเดียวเล่นให้ทั่วเลยแค่ เปลี่ยนใบไม่ดีกว่าเหรอ คำตอบคือน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทำให้กรอได้เร็วขึ้นครับ เช่น Double Willow ของ 3/8 ถ้ากรอเร็วมากๆมามันเป็นเหยื่อที่ก็อาจอยู่ตื้นหน่อย แต่ถ้าเป็น 1/2 Double Willow ต่อให้กรอเร็วเท่ากันก็จะไม่ตื้นมากเท่า 3/8 ครับ แต่ใบหลิวเดี่ยวของ 3/8 ก็จะอยู่ลึกกว่า Double Willow 1/2 ในกรณีนี้เป็นต้นอาจงงนิดนึงแต่ต้องลองเองครับจุดนี้ ลึกลงไปอีกแค่ฟุตเดียวผลที่ได้อาจต่างกันไปเลยก็ได้ในแต่ละวัน

เทคนิคใช้เหยื่อสปินเนอร์เบท

"Chunk-N-Wind"
นัก ตกปลาส่วนใหญ่จะเลือกใช้วิธีการนี้ แค่ตีเหยื่อแล้วก็กรอกลับแบบปกติ ด้วยสปีดธรรมดาโดยให้เหยือ ดำน้ำไปแค่4-5ฟุตจากผิวน้ำ วิธีการนี้สามารถใช้ได้ทุกๆพื้นที่ ที่เราจะไปตกและเป็นวิธีง่ายๆด้วย

"Slow-Rolling"
วิธีการนี้จะใช้เมื่อปลาอยู่ลึก วิธีนี้จะต้องลากเหยื่อให้ให้ช้าๆลากติดหน้าดินมาเลยครับ

"Waking or Bulging"
วิธีนั้ก็ไม่ต่างจากวิธีแรกเท่าไรครับแต่เพียงเราจะปล่อยให้เหยื่อจมถึงหน้าดินไปก่อนแล้วก็กรอเข้ามา + เจิร์กเหยื่อเป็นระยะๆครับ

"Draggin’-It"
วิธี นี้ใช้ได้ผลกับสปินเนอร์เบทที่พ่วงหนอนยางครับไม่ก็จิ้งจกยาง แรกเลยตี เหยื่อออกไปแล้วปล่อยให้เหยื่อจมไปถึงหน้าดิแล้วจึงกรอสายเข้ามาโดยถือคัน ให้ขนานกับพื้น แล้วทำสายให้ตึงไว้แล้วก็ยกคันช้าๆลากเหยื่อเข้ามาโดยไม่ กรอสายจนคันตังตรง แล้วก็กรอเก็บสายเข้าโดยดันคันกลับไปขนานกับพื้นด้วย (คล้ายๆกับเวลาเราสู้กับปลาอะครับ) ทำซ้ำๆไปเรื่อยๆ ข้อสำคัญคือต้องทำให้ สายตึงตลอดครับ

"Jigging-It"
วิธี นี้ใช้ได้กับที่บริเวณแคบๆหรือไม่ก็บนเรือที่มีความลึกของน้ำมากๆหน่อย (ประมาณในเขื่อนอะครับ) แรกเลยปล่อยเหยื่อลงให้ถึงหน้าดินแล้วก็จิ๊กเหยื่อไปเรื่อยๆครับ มือจิ๊กกิ้งสบายเลย

"Yo-Yo or Pumping"
วิธี นี้คล้ายๆจิ๊กกิ้งครับ แต่แค่เราจะกรอสายขึ้นไปด้วยสัก5-7รอบแล้วก็ ปล่อยเหยื่อกลับลงไปอีกเล็กน้อย แล้วก็ทำอย่างนั้นอีกจนเหยื่อกลับมาหาเรา


+<<<<<<->>>>>>+

ที่มาจาก
Valky#1
Valky #2
dr.schwarzkopf

10 พฤษภาคม 2552

METAL BAIT (เหยื่อโลหะ)

METAL BAIT (หยื่อโลหะ)
Metal Bait คือเหยื่อปลอมที่สร้า่งหรือทำจากโลหะ อาทิสปูน สปินเนอร์ ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ เนื่องจาก เหยื่อ Metal Bait สมัยก่อนรูปร่างหน้าตาไม่โดนใจนักตกปลาเมื่อเทียบกับเหยื่อตกปลาสวยๆชนิดอื่นๆเช่นพวก ปลั้ก ป้อบเปอร์เป็นต้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนใช้เลยทีเดียว (ผมก็ยังใช้อยู่) ข้อดีของมันก็มีเหมือนกัน เพราะมันทำมาจากโลหะ จึงทำให้ความสามารถในการส่งเหยื่อได้ระยะที่ไกล แถมยังจมน้ำได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับตกปลาในเขื่อน (เหมือนสปูนคุณสุธีไงครับ) เหยื่อประเภทนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่ระดับลึกสุดจนถึงระดับผิวน้ำ ซึ่งก็แล้วแต่เทคนิคแต่ละบุคคล

ต่างประเทศแบ่งเหยื่อ metal bait เป็น 4 ประเภท

1.Blad Bait ( เหยื่อกระดี่)

เหยื่อชนิดนี้มองง่ายๆก็คือเหยื่อกระดี่บ้านเรานี่แหละครับ Blad Bait เป็นเหยื่อที่เวลาจมน้ำไม่มีแอ็คชั่น แต่เวลาลากจะระริกระรี้เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ส่ายดุ้กดิ้กๆเหมือนปลาหนีตาย ซึ่งเหมาะมากกับปลาช่อนบ้านเรา ในต่างประเทศนิยมใช้เหยื่อประเภทนี้ในบริเวณที่เป็นชายฝั่งลาดๆ โดยจะส่งเหยื่อจากบนเรือไปยังฝั่ง แล้วจึงค่อยๆใช้ปลายคันเบ็ดดึงเหยื่อBlad Bait ลงมาตามความลึกเป็นขั้นๆ หากยกปลายคันดึงเหยื่อจนปลายคันชี้ไปที่ 10-11 นาฬิกา แล้วก็หมุนรอกเก็บสายที่หย่อน พร้อมทั้งลดปลายคันเบ็ดลงมาที่ 9-10 นาฬิกา ทำสลับอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนเหยื่อมาถึงเรือ


ส่วนบ้านเราส่วนมากจะตีเหยื่อแล้วก็กรอกลับมาเฉยๆ อาจมีกระตุกปลายคันบ้างเล็กน้อย ก็แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคน ซึ่งแน่นอนครับบางท่านก็ประสบความสำเร็จจนเก็บปลาช่อนมากินไม่หวาดไม่ไหวก็มี


2.Tailspinners (เหยื่อปลาติดใบสปิน)
เป็นเหยื่อที่อาจไม่คุ้นเคยในบ้านเราเท่าไหร่(มั้ง) และเป็นเหยื่อที่เล็กสุดในเหยื่อตระกูลนี้ รูปร่างของมัน จะเป็นปลาที่มีใบสปินพ่วงอยู่ที่ท้ายเหยื่อ เวลาลากใบสปินที่อยู่ด้านท้ายก็จะหมุนส่วนตัวปลาก็จะสั่นดิ้กๆๆๆๆ

การใช้ก็ตีหยื่อไปก็ลากกลับ หรือตีเหยื่อไปรอให้จมแล้วก็หมุนเก็บสายให้ตึงแล้วยกปลายคันขึ้น ยกเสร็จแล้วก็ปล่อยหมุนแขนรอกเก็บสาย ปล่อยและก็เก็บสลับกันไปเรื่อยๆ หรือจะเป็นการตกปลาจากบนเรือ โดยการทิ้งเยื่อให้จมไปในหรือบริเวณอุปสรรคใต้น้ำ ตอไม้ โขดหิน เมื่อเหยื่อจมสุด ก็ยกปลายคันขึ้นลงเหมือนกับการจิ้กกิ้ง

3. spoon (เหยื่อสปูน)
เหยื่อตัวนี้คงคุ้นเคยกันพอสมควร เจ้า้ตำหรับสปูนเมืองไทยก็ต้องยกให้คุณสุธี พ่อมดแห่งลำเขางู ซึ่งใช้เหยื่อตัวนี้ในการกำหลาบกระสูบไซส์ใหญ่มานักต่อนัก ลักษณะเหยื่อก็คือใช้โลหะมาขึ้นรูป หรือทุบ หรือตี(อิอิ)ให้มีลักษณะเมือนปลายช้อนแล้วก็พ่วงด้วยเบ็ด 3 ทาง(หรือจะกี่ทางก็ได้)


วิธีใช้ก็ตีเหยื่อ รอเหยื่อจม จากนั้นก็ปั่นๆๆๆๆๆ หรือใครมีเทคนิคกระตุกปลายคันเป็นจังหวะ หรือตีเหยื่อไม่ต้องรอจมจะปั่นเลยก็ได้ผลเหมือนกัน(แต่เหนื่อยขอบอก)

4. in line spinners (สปินเนอร์)
เป็นเหยื่อปลอมรุ่นแรกๆที่เคยคุ้นสำหรับผม มันก็คือสปินเนอร์ คงรู้จักยี่ห้อ Mepp กันดีนะครับ ลักษณะของมันก็จะประกอบเข้าด้วยอุปกรณ์หลายชิ้น ตั้งแต่เมนหลักเลยคือลวดแสตนเลส ใบสปิน หูใบสปิน พ่วงด้วยเบ็ด 3 ทาง หรือกี่ทางก็ไม่ว่ากัน



วิธีใช้ก็ไม่ยุ่งยากครับตีไปและก็กรอกลับ จะเร็วจะช้าอยู่ที่เทคนิคซึ่งต้องหาให้เจอด้วยตัวเอง แต่ปัญหาของสปินเนอร์ บางทีตีไปใบสปินก็ไม่หมุนซะงั้น วิธีก็ไม่ยากครับลองดัดลวดสเตนเลสที่เป็นเส้นกลางของมัน หรือไม่ก็ที่หูใบสปิน ถ้าไม่หมุนจริงก็ลองดัดใบสปินดูครับ ผมลองมาก็ได้ผลดีเหมือนกัน ปลาที่ได้ก็เป็น ปลาล่าเหยื่อ ช่อน กระสูบ ปลาเบี้ยว และอีกหลากหลายแต่ชะโดอาจจะไม่ไหวถ้าไซส์ใหญ่ยักษ์เกินไป

วันนี้นำเสนอไป 4 ชนิดแล้วถ้ามีอะไรอัปเดทใหม่ก็จะขอมาแก้ไขทีหลัง ท่านใดมีอะไรก็เสริมมาเลยนะครับเพราะผมไม่ใช่เทพตกปลา เป็นแค่คนที่ชอบ ข้อมูลก็หามาจากนิตยสาร หนังสือ หรือในเว็บตกปลา และก็มีจากประสบการณ์ ที่ผ่านมาน้อยนิดเท่านั้น(อิอิ 20 กว่าปีที่ไม่ได้เรื่องได้ราว)