บางชนิดมีเกล็ด บางชนิดไม่มีเกล็ด รูปร่าง ขนาดและพฤติกรรมแตกต่างกันมากมาย พบทั้งในทะเลและแหล่งน้ำจืด" แต่ในทางชีววิทยาแล้ว ปลาหมายถึง สัตว์มีกระดูกสันหลังที่ต้องดำรงชีวิตอยู่ในน้ำจืด น้ำกร่ย หรือ น้ำเค็ม ปลามีหัวใจสองห้อง
ตำราปัจจุบันหลายเล่มกล่าวว่าปลามีหัวใจสี่ห้องโดยนับรวมโคนัสอาร์เตอริโอซัส(บัลบัสอาร์เตอรริโอซัสในพวกฉลามและกระเบน) และ ไซนัสวีโนซัสซึ่งขยายใหญ่เป็นห้อง ลำตัวปกคลุมด้วยเกล็ดเมือกหรือแผ่นกระดูก ปลาหายใจด้วยเหงือก
แม้ว่าปลาบางชนิดสามารถที่จะดัดแปลงอวัยวะบางส่วนมาทำหน้าที่คล้ายปอด ช่วยแลกเปลี่ยนก็าซจากอากาศ ตัวอย่างได้แก่ปลามีปอด ปลาบางชนิดมีอวัยวะพิเศษเหนือเหงือกเพื่อช่วยแลกเปลี่ยนก็าซ เช่น ปลาหมอ ปลาช่อน และ ปลาดุก ตัวอย่างของปลาที่มีรูปร่างแบบปลาตามคำจำกัดความได้แก่ ปลาตะเพียน ปลาเงิน ปลาทอง ปลาหมอ ปลาช่อน ปลาทู ปลากะตัก ปลาซิว ปลาเข็ม ปลาฉลาม
- สัตว์น้ำอีกหลายชนิดที่เราเรียกนำหน้าว่าปลาแต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ปลา
ปลาเป็นสัตว์ที่มีความหลากหลายทางด้านรูปร่างและลักษณะ กลวิธีในการสืบพันธุ์ ถิ่นที่อยู่อาศัยพฤติกรรม และวงชีวิต เริ่มต้นตั้งแต่ปลาปากกลม(แลมเพรย์และแฮกฟิช) ซึ่งเป็นปลาที่ไม่มีขากรรไกรและดำรงชีวิตเป็นตัวเบียน(ปรสิต) ปลาโบราณที่มีเกราะหุ้มห่อร่างกาย
ปลาที่มีครีบเป็นพูเนื้อ(lobe-finned fishes) ปลามีปอด ปลาไม่มีเกล็ด ปลาที่มีลำตัวคล้ายงู นักวิชาการบางท่านอ้างว่าถ้าเราต้องการจะศึกษาทางด้านวิวัฒนาการอย่างเดียว เราควรจะหมายถึงปลาที่มีครีบเป็นก้านครีบ (ray-finned fishes)ในกลุ่ม Actinopterygians
เพียงอย่างเดียว
- ระบบเส้นข้างลำตัว
ระบบเส้นข้างลำตัว (lateral line system)ที่มีรูเป็นแถวให้น้ำไหลตลอดทาง ด้านข้างของลำตัว
ทำให้ปลาทราบถึงสภาพแวดล้อที่อยู่ใกล้ตัวว่า มีเหยื่อ ศัครูผู้ล่าหรือพวกพ้องเดียวกัน ระบบเส้นข้างลำตัวนี้อาจเปลี่ยนแปลงไปเป็น
ระบบสัมผัสไฟฟ้า (electrical sensory system) ส่งผ่านน้ำซึ่งเป็นตัวนำไฟฟ้าได้ดีที่สุด พวกฉลามจะใช้สัมผัสไฟฟ้านี้สำหรับตรวจจับเหยื่อ
โดยรับความรู้สึกจากกล้ามเนื้อของเหยื่อ ปลาน้ำจืดบางชนิดก็มีความสามารถในการสร้างสนามไฟฟ้าอ่อนๆรอบตัวเพื่อตรวจจับเหยื่อที่ผ่านเข้ามาในสนามพลังของมัน
- แสงแดดและการรับภาพ
ปลาบางชนิดสร้างอวัยวะเรืองแสง(photophores)ภายในตัว แต่ปลามีหนวด เช่น ปลาดุกที่หากินบริเวณโคลนเลน ซึ่งมีน้ำขุ่นจนแสงส่องผ่านลงไปไม่ได้ กลับไม่รู้สึกเดือดร้อนเพราะปลาดุกสามารถใช้หนวดหลายคู่บริเวณจะงอยปากทำหน้าที่รับความรู้สึกสัมผัสแทน สัมผัสจากหนวดนี้ทำให้ปลาดุกสามารถรับกลิ่นของเหยื่อที่อยู่แหล่งน้ำใกล้เคียงได้
- การรับเสียง
ปลาส่วนมากผลิตเสียงเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างพวกพ้องของตนเองโดยเฉพาะในช่วงผสมพันธุ์ ตัวอย่างเช่นเสียงเพลงเรียกคู่ของปลาคางคก(toad fish)อาจมีระดับคลื่นเสียงที่วัดได้ถึงเกือบ 100 เดซิเบล แต่มนุษย์เราก็ไม่ค่อยได้ยินเสียงของปลา ทั้งนี้เพราะคลื่นเสียงผ่านขึ้นมาเหนือน้ำได้ยากนั่นเอง
- น้ำกับการหาอาหารของปลา
ปลาที่ล่าแมลงหรือสัตว์น้ำตัวเล็กๆเป็นอาหารจะใช้วิธีดูดกลืนเหยื่อแบบนี้ น้ำที่ผ่านเข้าไปจะถูกกักกันมิให้ออกมาตามน้ำโดยซี่เหงือกหรือซี่กรอง(gill raK-ers)ที่มีลักษณะยาวยื่นออกมาจากกระดูกเหงือก นอกจากนี้การขยายปากจะช่วยเพิ่มปริมาตรก๊าซในการหายใจ
- การแลกปลี่ยนก๊าซ
เหงือกของปลาสามารถกำจัดก๊าซที่เป็นของเสียสำหรับปลา เช่นก๊าซคาร์บอบไดออกไซด์ แอมโมเนีย และความร้อนในเวลาเดียวกับที่ปลารับออกซิเจนจากน้ำ ซึ่งก็อาจทำให้เกิดปัญหาบ้างเพราะช่วงนี้อาจมีสารพิษอื่นที่ละลายในน้ำ เช่น สารปรอท สารตกค้างจากยาฆ่าแมลงปลอมปนเข้ามาในช่วงที่ปลากำลังรับออกซิเจน ซึ่งจะทำให้ปลาตายทันทีที่สารพิษนี้ผ่านเข้ามาทางเหงือก เยื่อบางๆที่กั้นระหว่างเลือดกับน้ำสามารถที่จะกรองเฉพาะสารบางอย่างเท่านั้น ตัวอย่างได้แก่เกลือ ปลาบางชนิดที่อาศัยได้ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม เราเรียกว่าปลาสองน้ำ ปลาทะเลต้องกรองเอาเกลือส่วนเกินออกจากเหงือก ปลาน้ำจืดต้องการเกลือเพิ่มจึงต้องดูดเอาเกลือแร่เข้าไว้เพราะในน้ำจืดมีปริมาณเกลือน้อยมาก
ข้อมูลจากหนังสือมีนวิทยา
โดย คุณสุภาพร สุกสีเหลือง
โดย คุณสุภาพร สุกสีเหลือง
สูดยอดมาก
ตอบลบขอบคุณครับ ยกเครดิตรให้เจ้าของบทความคุณคุณสุภาพร สุกสีเหลืองครับ ส่วนรูปประกอบนี่หาหลายวันเลยครับ ต้องขอขอบคุณกูเกิ้ล และเจ้าของรูปภาพหลากหลายที่มาครับ ส่วนผมใจรักด้านการรวบรวมความรู้ไม่ค่อยมี อิอิ ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ ด่ามาร้อยแค่กำลังใจหนึ่งเดียวผมก็สู้ขาดใจครับ ขอบพระคุณจริงๆครับ
ตอบลบ