15 มกราคม 2552

ปลาหมูของไทย

http://www.freewebs.com/tonya_haskell/fish/clownloach2.jpg
  • วงศ์ปลาหมู (Cobitidae)
เป็นวงศ์ปลาน้ำจืดในอันดับ Cypriniformes จัดเป็นปลาขนาดเล็ก มีลักษณะสำคัญคือบริเวณใต้ตามีกระดูกเป็นหนามโค้งพับซ่อนอยู่ข้างละ 1 ชิ้น ส่วนหัวและจะงอยปากยื่นแหลม ปากเล็กอาจมีติ่งรอบริมฝีปาก มีหนวดสั้น ๆ 3 คู่ ครีบหลังสั้น ครีบอื่น ๆ มีขนาดเล็ก ลำตัวเรียวยาวและแบนข้าง ครีบหางเว้าหรือเว้าลึก ผิวหนังมีเกล็ดขนาดเล็กมากฝังอยู่ จึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และมีเมือกปกคลุมตัว

เป็นปลาที่ไม่มีฟันที่ลำคอและขากรรไกร มักอาศัยอยู่ในบริเซรที่น้ำไหลแรง เช่น ต้นน้ำลำธารบนภูเขาหรือน้ำตก มักอาศัยในระดับพื้นท้องน้ำใกล้ซอกหิน หรือโพรงไม้ โดยพบเป็นฝูงใหญ่ กินอินทรียสารและสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร บางชนิดสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว

พบได้กว้างขวางตั้งแต่ทวีปยุโรป ยูเรเชียจนถึงทวีปเอเชีย แบ่งออกเป็นวงศ์ย่อยได้ 2 วงศ์ คือวงศ์ Botiinae กับ วงศ์ Cobitinae รวมทั้ง 2 วงศ์มีสกุลทั้งหมด 27 สกุล (Botiinae 7 สกุล ส่วน Cobitinae 20 สกุล) ในประเทศไทยพบไม่น้อยกว่า 30 ชนิด ซึ่งในภาษาไทยจะเรียกปลาในวงศ์นี้รวม ๆ กันว่า "ปลาหมู" หรือ "ปลาค้อ" และในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า "loaches"

มีความสำคัญคือ นิยมบริโภคในบางสกุล บางสายพันธุ์ อีกทั้งยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาตู้สวยงามด้วย

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>

1.>วงศ์Botiinae

สกุลYasuhikotakia 9 ชนิด



1.) ปลาหมูขาว
  • ชื่อไทย หมูขาว หมูหางแดง หมูหางเหลือง
  • ชื่อสามัญ Red-finned Loach, Blue Botia, Redtail Botia.
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Yasuhikotakia modesta
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 23.5 เซนติเมตร
ปลาหมูขาวพบได้ในแม่น้ำและอ่างเก็บน้ำในภาคกลาง ภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีลำตัวแบนข้างเล็กน้อยและค่อนข้างป้อมกว่าปลาหมูชนิดอื่น ๆ ปลาหมูขาวมีลักษณะลำตัวจากปลายจะงอยปากถึงโคนครีบหางเป็น 2.5 - 2.9 เท่าของความกว้างลำตัว ลำตัวเป็นสีเทาหรือเทาอมเขียว บริเวณด้านหลังสีเข้มกว่าลำตัว ด้านท้องสีอ่อนหรือขาว บริเวณโคนหางมีจุดสีดำ จะงอยปากค่อนข้างยาว ปลายจะงอยปากมีหนวด 2 คู่ และมุมปากมีหนวดอีก 1 คู่ ปากอยู่ปลายสุดและอยู่ในระดับต่ำ ส่วนหัวมีหนามแหลมปลายแยกเป็น 2 แฉก ครีบทุกครีบไม่มีก้าน ครีบแข็ง ครีบหลัง ครีบก้น และครีบหางมีสีเหลืองจนถึงสีส้มหรือแดง เฉพาะครีบหางจะมีสีสดกว่าครีบอื่น ๆ ครีบอกและครีบท้องมีสีเหลืองจาง ครีบหลังมีจำนวนก้านครีบ 9 อัน ครีบก้น 8 อัน ครีบอก 12 - 15 อัน และครีบท้อง 7 - 9 อัน



ปลาหมูขาวมีขนาดใหญ่ที่สุดในสกุลปลาหมูที่พบในประเทศไทย เท่าที่เคยพบมีขนาด 23.5 เซนติเมตร แต่ขนาดที่พบโดยทั่วไปมีความยาวเฉลี่ย 10 - 25 เซนติเมตร ลักษณะของลูกปลาหมูขาวขนาดเล็กจะแตกต่างกับปลาชนิดอื่นๆ คือ ส่วนหลังจะโค้งลาดเหมือนพ่อแม่ปลา และบริเวณกลางลำตัวจะมีลักษณะสีดำทอดไปตามความยาวของตัวปลา เมื่ออายุได้ 45 - 60 วัน และแถบสีดำที่พาดขวางลำตัวจะหายไปเมื่อลูกปลาโตขึ้นหรือมีอายุประมาณ 5 เดือน บุญยืนและวัฒนา (2533



การเพาะพันธุ์
ฤดูการผสมพันธุ์ของปลาหมูขาว ตามธรรมชาติจะอยู่ช่วงฤดูร้อนต่อฤดูฝนประมาณเดือน มีนาคม – กันยายน คัดเลือกแม่พันธุ์ปลาหมูขาวที่สมบูรณ์ที่สุดโดยสังเกตลักษณะของท้อง ซึ่งจะอูมเป่งและช่อเกิดสีชมพูเรื่อ ๆ ส่วนปลาตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่าและลำตัวเพรียวกว่า บีบที่ช่องเปิดเบา ๆ จะมีน้ำเชื้อสีขาวขุ่นไหลออกมา ใช้ต่อมใต้สมองปลาไนฉีดครั้งเดียวในจำนวน 1.5 เท่า ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเพศเมีย ทิ้งไว้ 6 ชั่วโมง นำปลามารีดไข่ผสมน้ำเชื้อ ไข่จะมีลักษณะกลมสีเทาอมเขียวใกล้เคียงลักษณะไข่ปลาตะเพียน ไข่เป็นประเภทครึ่งลอยครึ่งจม ไข่ปลาหมูขาวใช้เวลาฟัก 12 ถึง 18 ชั่วโมง ในตู้กระจกที่อุณหภูมิของน้ำประมาณ 27 องศาเซลเซียส
การอนุบาลลูกปลา
นำลูกปลาหมูขาวที่ฟักออกเป็นตัวแล้ว มาอนุบาลต่อในมุ้งโอล่อน ขนาด 1 X 1 เมตร2 ซึ่งแขวนไว้ในบ่อซีเมนต์ขนาด 2 X 5 เมตร2 ในโรงเพาะฝักเมื่อลูกปลาอายุ 3 วัน ถุงอาหารยุบจึงเริ่มให้ไข่ต้มสุกบดละเอียดละลายน้ำสาดให้กินวันละ 5 ครั้ง ถ่ายน้ำ 1 ใน 3 ของบ่อทุกวัน ตอนเช้าของวันที่ 7 จึงเริ่มให้ไรแดงมีชีวิตเป็นอาหารวันละ 3 ครั้ง โดยใช้แก้วใสตักน้ำในมุ้งอนุบาลตรวจความหนาแน่นของไรแดงอยู่เสมอ เพื่อให้พอเพียงกับความต้องการของลูกปลา ลักษณะของลูกปลาหมูขาวขนาดเล็กจะแตกต่างกับปลาชนิดอื่นคือ ด้านหลังจะโค้งลาดเช่นพ่อแม่พันธุ์ และบริเวณลำตัวจะมีสีดำทอดไปตามความยาวของตัวปลา เมื่ออายุได้ 20 วัน จะพบแถบสีดำพาดขวางลำตัวประมาณ 7 – 8 แถบ และสีลำตัวจะออกสีเหลืองอ่อน ๆ ลูกปลาจะมีลักษณะเหมือนพ่อแม่พันธุ์ เมื่ออายุได้ประมาณ 45 – 60 วัน และสีดำที่พาดขวางลำตัวจะหายไปเมื่อลูกปลาโตขึ้น หรืออายุได้ประมาณ 5 เดือน



  • ถิ่นอาศัย
อยู่รวมกับปลาหมูชนิดอื่น ๆ หากินบริเวณพื้นหน้าดิน ในแหล่งน้ำไหลตามแม่น้ำ ลำคลอง และหนองบึง ซึ่งทางน้ำเชื่อมกับแม่น้ำ พบมากในภาคกลาง
  • อาหาร
กินแมลง ตัวอ่อนแมลง ซากสัตว์และพืชที่เน่าสลาย
  • ขนาด
ความยาวประมาณ 12-15 เซนติเมตร ขนาดใหญ่ที่สุดมีความยาวถึง 25 เซนติเมตร




  • ประโยชน์
นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม เนื้อมีรสชาติดีและใช้ปรุงอาหารได้ดี


ปลาหมูหางเหลือง

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>

  • 2.ปลาหมูค้อ
  • ชื่อไทย หมูค้อ หมูก้อ หมูคอก
  • ชื่อสามัญ Skunk botia
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Yasuhikotakia morleti
  • ปลาหมูคอกพบได้ในแม่น้ำโขง เจ้าพระยา
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 4 นิ้ว

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>


  • 3.) ปลาหมูสัก
  • ชื่อไทย หมูสัก
  • ชื่อสามัญ Silver loach
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Yasuhikotakia lecontei
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 10 นิ้ว

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>



  • 4.) ปลาหมูหางจุด
  • ชื่อไทยหมูหางจุด
  • ชื่อสามัญ Speckle-tailed Loach.
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Yasuhikotakia caudipunctata
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 4 นิ้ว

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>


  • 5.) ปลาหมูหางแต้ม

  • ชื่อไทย หมูหางแต้ม
  • ชื่อสามัญ
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Yasuhikotakia splendida
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 4 นิ้ว
<<<<++++++++*+*++++++++>>>>


  • 6.) ปลาหมูอารีย์
  • ชื่อไทย หมูอารีย์
  • ชื่อสามัญ Dwarf Loach
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Yasuhikotakia sidthimunki
ปลาหมูอารีย์เป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดเล็ก จัดอยู่ในวงศ์ปลาหมู ปลาค้อ มีลักษณะ รูปร่างค่อนข้างยาวและแบนข้าง มีสีสันสดใสมาก โดยมีสีเหลืองมะปรางสุก บริเวณส่วนหัว แนวกลางของหลังและลำตัว ส่วนท้องมีสีขาวงาช้าง บริเวณหัวมีแถบ สีน้ำตาลดำ 2 แถบ ขนานกันไปตามแถบสีเหลืองบริเวณหลัง แถบนี้จะไปสิ้นสุดบริเวณคอดหาง และยังมีแถบสีน้ำตาลดำ ที่มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ส่วนปากผ่านแนวลูกตาตามเส้นข้างตัวไปจนถึง จุดเริ่มต้นของครีบหาง



ในธรรมชาติพบปลาหมูอารีย์อาศัยอยู่บริเวณพื้นท้องน้ำที่มีพืชน้ำ หาดน้ำตื้น ซึ่งมีกระแสน้ำเชี่ยว น้ำถ่ายเทอยู่ตลอดเวลา คุณสมบัติของน้ำดี จากรายงานพบว่า ปลาหมูอารีย์เคยพบชุกชุมที่แม่น้ำแม่กลอง แควน้อย จังหวัดราชบุรีและกาญจนบุรี บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ และลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขง ที่เมืองปากเซ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แต่ปัจจุบันพบปลาชนิดนี้เฉพาะลำธาร ในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยเท่านั้นได้แก่ ที่บริเวณแม่น้ำว้า อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
สถานีประมงน้ำจืดจังหวัดน่านได้เริ่มทำการศึกษาชีววิทยาบางประการของปลาหมู อารีย์ เพื่อพัฒนาเทคนิค การเพาะขยายพันธุ์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 จนกระทั่งประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ผสมเทียมเมื่อเดือน มิถุนายน 2542 โดยการฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์



การเพาะปลาหมูอารีย์ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องที่สถานีประมงน้ำจืดจังหวัด น่าน โดย นายวิวัฒน์ ปรารมภ์ หัวหน้าสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดน่าน และคณะ นำพ่อแม่พันธุ์อายุ 2 ปี 3 เดือน ที่ได้จากการเพาะพันธุ์ผสมเทียมเมื่อเดือนมิถุนายน 2542 มาเพาะพันธุ์โดยการฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์ สามารถกระตุ้นให้แม่ปลาตกไข่ได้ในเวลา 14 - 15 ชั่วโมง เป็นไข่ครึ่งจมครึ่งลอยลักษณะกลมสีขาวอมเหลือง ฟักออกเป็นตัวภายใน 12 - 13 ชั่วโมง ลูกปลามีความยาว 3.06 มิลลิเมตร และมีการพัฒนารูปร่างเหมือนโตเต็มวัยเมื่ออายุได้ 50 วัน ปัจจุบันลูกปลามีอายุ 2 ปี



อธิบดีกรมประมงกล่าวว่า การเพาะและอนุบาลปลาหมูอารีย์ของกรมประมง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเลี้ยงลูกปลา รุ่นที่ 2 ให้เป็นพ่อแม่พันธุ์เพื่อตกลูก รุ่นที่ 3 หากทำสำเร็จในหลักพันธุกรรมถือว่าเป็นการอนุรักษ์แบบสมบูรณ์ที่สัตว์ประเภท นี้ จะไม่สูญพันธุ์ไปจากโลก ซึ่งผลการทดลองขณะนี้เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากปลาสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเลี้ยงในตู้ กระจกได้มากขึ้นและสามารถเจริญพันธุ์จนมีไข่ได้ คณะผู้วิจัยจะได้ทำการเพาะพันธุ์ในรุ่นต่อๆ ไปให้ได้ปริมาณเพิ่ม มากขึ้นและทดลองเลี้ยงให้ปลามีสีสันที่สวยงามเหมือนในธรรมชาติต่อไป มั่นใจว่าในอนาคตกรมประมงจะสามารถ ถอดปลาหมูอารีย์ออกจากบัญชีรายชื่อสัตว์น้ำห้ามครอบครอง และห้ามจำหน่าย มาเป็นสัตว์น้ำคุ้มครองที่จำหน่าย ได้จากการเพาะพันธุ์ ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ นายวิวัฒน์ ปรารมภ์ หัวหน้าสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดน่าน ตำบลกองควาย อำเภอเมือง จังหวัดน่าน หมายเลขโทรศัพท์ 0 - 5479 - 3010 ในวันและเวลาราชการ ๏

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>

  • 7.) ปลาหมูน่าน
  • ชื่อไทย หมูน่าน หมูน้ำว้า บง หมูงวง
  • ชื่อสามัญ
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Yasuhikotakia nigrolineatus
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 10-12 เซนติเมตร
ปลาหมูน่าน ปลาน้ำจืดขนาดเล็กชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Yasuhikotakia nigrolineata ในวงศ์ปลาหมู (Cobitidae) มีรูปร่างและสีสันคล้ายคลึงปลาหมูอารีย์ (Y. sidthimunki) ซึ่งเป็นปลาที่อยู่ในสกุลเดียว กัน แต่ว่าปลาหมูน่านลายจะเป็นแถบยาว เมื่อปลาใหญ่ขึ้นมาลายตามยาวจะขาดเป็นท่อน ๆ และจะเกิดลายขวางเพิ่มมากขึ้น โดยที่ลายแถบของปลาหมูน่านจะมีราว 8-10 แถบ ในขณะที่ปลาหมูอารีย์ ซึ่งจะมีแค่ 5-8 แถบ ดังนั้นเมื่อมองด้วยตาเปล่าแล้วจะพบว่า ลายเส้นของปลาหมูน่านจะใหญ่และหนากว่าของปลาหมูอารีย์ อีกทั้งเมื่อโตเต็มที่แล้วจะมีขนาดลำตัวใหญ่กว่าปลาหมูอารีย์ คือ มีความยาวประมาณ 10-12 เซนติเมตร


ถูกค้นพบครั้งแรกที่แม่น้ำโขง ในเมืองหาน เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนาน สำหรับในประเทศไทยพบได้ที่แม่น้ำว้า อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน


ปลาหมูน่านเคยถูกสับสนว่าเป็นปลาหมูอารีย์ ด้วยเหตุที่มีรูปร่างและสีสันคล้ายคลึงกัน รวมทั้งเคยถูกจับส่งขายเป็นปลาสวยงามโดยใช้ชื่อของปลาหมูอารีย์ด้วย ดังนั้นจึงได้รับฉายาวงการปลาสวยงามว่า "ปลาหมูอารีย์ปลอม"


มีชื่อเรียกในภาษาท้องถิ่นว่า "บง" หรือ "หมูงวง"
ความแตกต่างระหว่างปลาหมูอารีย์ กับปลาหมูน่าน คลิ้กเลยครับ

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>

  • 8.) ปลาหมูค้อลายแถบ
  • ชื่อไทย
  • ชื่อสามัญ
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Yasuhikotakia longidorsalis
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 3 นิ้ว (8 ซ.ม.)

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>

  • 9.) ปลาหมูแดง
  • ชื่อไทย หมูแดง
  • ชื่อสามัญ Sun loach
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Yasuhikotakia eos
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 4.25 นิ้ว (11ซ.ม.)

<<<<<<<<<<++++++++*+*++++++++>>>>>>>>>>>


สกุลSyncrossus 3 ชนิด

  • 1.) หมูข้างลาย
  • ชื่อไทย หมูข้างลาย หมูท่อก เขี้ยวไก้ แข้วไก้
  • ชื่อสามัญ TIGER LOACH
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Syncrossus helodes
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 12 นิ้ว
เป็นปลาน้ำจืดลำตัวป้อม ลำตัวเรียวแบนทางด้านข้าง ลำตัวเป็นสีเทาปนเหลืองจะงอยปากเล็กเรียว ตรงปลายมีหนวดเป็นกระจุก ปากมีขนาดเล็ก ตาเล็ก มีเงี่ยงแหลม ปลายแยกเป็น 2 แฉกอยู่หน้าตา ครีบหางปลายแยก เป็นแฉกลึก ครีบหลังอยู่กึ่งกลางลำตัว ครีบหู ครีบท้อง และครีบก้นขนาดใกล้เคียงกัน ลำตัวเหลืองแกมเขียว มีริ้วสีน้ำเงินเข้ม พาดขวางลำตัวราว11-14 แถบ คล้ายลายเสือ



ครีบหู ครีบท้อง และครีบก้นเป็นสีเหลืองสด หรือ ส้มเหลือง มีจุดเล็กเรียงไปตามแนวลำตัว เป็นปลาที่มีรสอร่อยมาก ไม่มีก้างฝอย ขนาดตัวยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร จะหากิน ตามพื้นท้องน้ำตามโขดหินและก้อนหินลักษณะทั่วไป

  • ถิ่นอาศัยในแหล่งน้ำไหล แม่น้ำ ลำคลอง ชอบซุกซ่อนตามตอไม้ ซอกหิน และพื้นดินโคลน
  • อาหาร แมลงและตัวอ่อนของแมลง ไส้เดือน
  • ขนาดความยาวประมาณ5-30 เซนติเมตร

  • ประโยชน์
นิยม เลี้ยงเป็นปลาสวยงาม เนื้อใช้ปรุงอาหารได้ดี การมีรสอร่อยของปลาชนิดนี้ หากจับได้จำนวนมากและนำไปจำหน่าย จะได้ราคาสูงทำรายได้ดีพอสมควร และถ้าสามารถเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ได้ ก็จะเป็นประโยชน์ทาง เศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ตัวอย่างอาหาร หมกปลาหมู เมนูอื่นก็จะเป็น ปิ้ง ย่าง ทอด

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>

  • 2.) ปลาหมูจุด
  • ชื่อไทย ปลาหมูจุด หมูเสือ หมูลายเสือ
  • ชื่อสามัญ Spotted loach
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Syncrossus beauforti
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 7 นิ้ว
เป็นปลาในครอบครัวปลาหมู (Family Cobitidae) นิยมรวบรวมจากธรรมชาติแล้วนำมาเลี้ยงเป็นปลาสวยงามเพื่อการส่งออกต่างประเทศ ลำตัวมีสีสะดุดตา โดยลำตัวและหัวเป็นสีเขียวปนเทาอ่อน ๆ ครีบหลังและครีบหาง เป็นสีส้ม มีจุดสีดำ มีถิ่นอาศัยในแม่น้ำเจ้าพระยาและสาขาแม่น้ำท่าดี จังหวัดนครศรีธรรมราช (สมโภชน์ และกาญจนรี, 2543) โดยพบปลาหมูจุดครั้งแรกที่บริเวณน้ำตกแถวบ้านคีรีวงศ์จังหวัดนครศรีธรรมราช (Smith, 1945)



ปลาหมูจุดมีลักษณะลำตัวเรียวยาว แบนข้าง เกล็ดมีขนาดเล็ก เป็นเกล็ดแบบ cycloid ที่ฝังแน่นอยู่ในผิวหนัง ส่วนหัวแหลมค่อนข้างยาว ความยาวหัวมากกว่าความลึกลำตัว มีหนวด 3 คู่ ความยาวใกล้เคียงกัน อยู่ที่ปลายจะงอยปาก 2 คู่ และขากรรไกรบน 1 คู่ ปากมีขนาดเล็กตั้งอยู่ในระดับต่ำกว่าจะงอยปาก (inferior mouth) ครีบหลังประกอบด้วยก้านครีบอ่อน 9 ก้าน ครีบอกประกอบด้วยก้านครีบอ่อน 14 ก้าน ครีบท้องประกอบด้วยก้านครีบอ่อน 8 ก้าน ครีบก้นประกอบด้วยก้านครีบอ่อน 5 ก้าน มีเส้นข้างตัวสมบูรณ์อยู่ในแนวกลางลำตัว

ปลาหมูจุดหรือปลาหมูลายเสือ เป็นปลาท้องถิ่นชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ในระบบแม่น้ำของจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะในแม่น้ำแควน้อยตั้งแต่บริเวณที่กำลังก่อสร้างเขื่อนแควน้อยอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้นไปจนถึงต้นน้ำ พบเฉพาะตามโขดหินที่มีกระแสน้ำไหลเอื่อยๆ

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>

  • 3.) ปลาหมูจักพรรดิ์
  • ชื่อไทย หมูจักพรรดิ์ หมูจุดพม่า
  • ชื่อสามัญ
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Syncrossus berdmorei
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 10 นิ้ว

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>


สกุลBotia 3ชนิด

  • 1.) ปลาหมูลายเมฆ

  • ชื่อไทย หมูลายเมฆ
  • ชื่อสามัญ
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Botia kubotai
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 5 นิ้ว
<<<<++++++++*+*++++++++>>>>



  • 2.) หมูพม่าลายแถบ
  • ชื่อไทย หมูพม่า หมูพม่าลายแถบ หมูม้าลาย
  • ชื่อสามัญ
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Botia histrionica
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 5 นิ้ว

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>

  • 3.) หมูพม่าลายคู่

  • ชื่อไทย
  • ชื่อสามัญ
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Botia aff. rostrata
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>
  • สกุลSinibotia 1 ชนิด

  • 1.) ปลาหมูยูนาน
  • ชื่อไทย หมูยูนาน
  • ชื่อสามัญ
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ Sinibotia longiventralis
  • ขนาดใหญ่สุดที่พบ 4 นิ้ว

<<<<++++++++*+*++++++++>>>>

ขออภัยครับข้อมูลยังไม่สมบูรณ์ ใครมีข้อมูลรบกวนช่วยผมด้วยครับ









คลิ้กที่นี่เพื่ออ่านต่อ......

เชิญแวะที่:
thainitaห้นย

จ้าวน้อยฟิชชิ่ง ตกปลาฮาเฮ เร่ไปเพราะใจสั่งมา © 2009. Powered by  MyPagerank.Net